วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บทความฟอนต์ (วันจันทร์ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2556)

ความแตกต่างของไทป์เฟซกับฟอนต์

บุคคลทั่วไปมักใช้คำว่า ฟอนต์ (font/fount) เรียกแทนไทป์เฟซ หรือใช้เรียกสลับกัน แต่ในความจริงแล้วมีความหมายที่แตกต่างกัน ไทป์เฟซหมายถึงชุดตัวอักษรที่มีรูปแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่เล็กเท่าไร เช่น Arial, Arial Bold, Arial Italic และ Arial Bold Italic ต่างเป็นไทป์เฟซคนละชนิดกัน ส่วนฟอนต์จะหมายถึงชุดตัวอักษรที่มีทั้งไทป์เฟซและขนาดเดียวกัน ตัวอย่างเช่น Arial 12 พอยต์ก็เป็นฟอนต์หนึ่ง Arial 14 พอยต์ก็เป็นฟอนต์หนึ่ง Arial Bold 14 พอยต์ก็เป็นอีกฟอนต์หนึ่ง เป็นต้น ในการสร้างเอกสารแบบดิจิทัล ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนขนาดฟอนต์ได้เองในคอมพิวเตอร์ ทำให้ความแตกต่างของไทป์เฟซกับฟอนต์จึงลดความสำคัญลงไป

สำหรับตระกูลหรือสกุลของตัวอักษร (font/type family) มีความหมายกว้างกว่าไทป์เฟซ กล่าวคือ แบบตัวอักษรชื่อเดียวกันที่อาจมีรูปแบบต่างๆ กัน ถือเป็นแบบอักษรตระกูลเดียวกัน โดยปกติจะมี 4 รูปแบบคือ roman, italic, bold, bold italic แบบอักษรบางตระกูลอาจมี narrow, condensed หรือ black อยู่ด้วยก็ได้ ดังนั้น Arial, Arial Bold, Arial Italic และ Arial Bold Italic ทั้งหมดเป็นแบบอักษรในตระกูล Arial ในขณะที่ Helvetica หรือ Courier ก็เป็นอีกตระกูลหนึ่ง
ลักษณะทั่วไป
เชิงอักษร


แบบอักษรมีเชิง (เซริฟ)


แบบอักษรไม่มีเชิง (ซานส์เซริฟ)

"เชิง" คือส่วนที่เน้นสีแดง
ไทป์เฟซสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ แบบมีเชิง (serif) และแบบไม่มีเชิง (sans serif)


แบบเซริฟคือแบบอักษรที่มีขีดเล็กๆ อยู่ที่ปลายอักษรเรียกว่า เซริฟ ดังที่ปรากฏในตัวอักษรตระกูล Times แบบอักษรชนิดนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแบบโรมัน (roman) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากอักษรที่จารึกไว้ในหินของอาณาจักรโรมัน เซริฟมีส่วนช่วยในการกวาดสายตาไปตามตัวอักษร ทำให้อ่านง่าย และนิยมใช้สำหรับพิมพ์เนื้อความ


ส่วนแบบซานส์เซริฟก็มีความหมายตรงข้ามกันคือไม่มีขีดที่ปลายอักษร และมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าแบบกอทิก (gothic) อักษรชนิดนี้ไม่เหมาะกับการเป็นเนื้อความ แต่เหมาะสำหรับใช้พาดหัวหรือหัวเรื่องที่เป็นจุดเด่นซึ่งมองเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม ฟอนต์สมัยใหม่ที่ได้รับการออกแบบในคอมพิวเตอร์ อาจมีทั้งแบบเซริฟและซานส์เซริฟปะปนกันในฟอนต์หนึ่งๆ
ความกว้างอักษร




หากจะแบ่งประเภทตามความกว้างของอักษร สามารถแบ่งได้สองแบบคือ แบบกว้างตามสัดส่วน (proportional) และแบบกว้างขนาดเดียว (monospaced)
ผู้คนส่วนมากนิยมไทป์เฟซแบบกว้างตามสัดส่วน ซึ่งความกว้างอักษรจะแปรผันไปตามความกว้างจริงของรูปอักขระ เนื่องจากดูเหมาะสมและอ่านง่าย แบบอักษรประเภทนี้พบได้ทั่วไปตามสิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมไปถึง GUI ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (อาทิโปรแกรมประมวลคำหรือเว็บเบราว์เซอร์) แต่ถึงกระนั้น รูปอักขระที่ใช้แทนตัวเลขในหลายไทป์เฟซมักออกแบบให้มีความกว้างเท่ากันหมด เพื่อให้สามารถจัดเรียงได้ตรงตามคอลัมน์
ส่วนไทป์เฟซแบบกว้างขนาดเดียวเป็นการออกแบบที่มีจุดประสงค์เฉพาะ มีความกว้างอักษรเท่ากันหมดไม่ขึ้นอยู่กับรูปอักขระ คล้ายอักษรที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์ดีดซึ่งมีคอลัมน์ของตัวอักษรตรงกันเสมอ แบบอักษรชนิดนี้มีที่ใช้ในระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์บางชนิดเช่น DOS, Unix และเป็นที่นิยมในหมู่โปรแกรมเมอร์สำหรับแก้ไขซอร์สโคด ศิลปะแอสกี (ASCII Art) เป็นตัวอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้อักษรแบบกว้างขนาดเดียวเพื่อการแสดงผลที่สมบูรณ์


ถ้าหากพิมพ์ตัวอักษรสองบรรทัดด้วยจำนวนอักษรที่เท่ากันในแต่ละบรรทัด ไทป์เฟซแบบกว้างขนาดเดียวเราจะเห็นความกว้างทั้งสองบรรทัดเท่ากัน ในขณะที่แบบกว้างตามสัดส่วนจะกว้างไม่เท่ากัน และอาจไม่กว้างเท่าเดิมเมื่อเปลี่ยนไทป์เฟซ เนื่องจากรูปอักขระกว้างเช่น W, Q, Z, M, D, O, H, U ใช้เนื้อที่มากกว่า และรูปอักขระแคบเช่น i, t, l, 1 ใช้เนื้อที่น้อยกว่าความกว้างเฉลี่ยของอักษรอื่นในไทป์เฟซนั้นๆ
การวัดขนาดฟอนต์





ขนาดของไทป์เฟซและฟอนต์ในงานพิมพ์ โดยปกติจะวัดในหน่วย พอยต์ (point) ซึ่งหน่วยนี้ได้กำหนดขนาดไว้แตกต่างกันในหลายยุคหลายสมัย แต่หน่วยพอยต์ที่แท้จริงนั้นมีขนาดเท่ากับ 172 นิ้ว สำหรับการออกแบบอักษร จะวัดด้วยหน่วย เอ็ม-สแควร์ (em-square) เป็นหน่วยที่สัมพันธ์กับฟอนต์ขนาดนั้นๆ โดยหมายถึงความสูงที่สูงกว่าเล็กน้อยตั้งแต่ยอดปลายหางอักษรที่ชี้ขึ้นบน ลงไปถึงสุดปลายหางอักษรที่ชี้ลงล่างของฟอนต์นั้นๆ เอง ซึ่งเท่ากับความสูงของตัวพิมพ์ในงานพิมพ์ หรืออาจสามารถวัดได้ในหน่วยมิลลิเมตร คิว (¼ ของมิลลิเมตร) ไพคา (12 พอยต์) หรือเป็นนิ้วก็ได้







ความสูง 1 em คือความสูงของตัวพิมพ์ ดังนั้น em dash จึงหมายถึงอักขระขีดที่ยาวกินเนื้อที่ 1 em อยู่ที่มุมล่างขวาของภาพ


ตัวอักษรส่วนมากใช้เส้นบรรทัดหรือเส้นฐานเดียวกัน (baseline) ซึ่งหมายถึงเส้นตรงแนวนอนสมมติที่ตัวอักษรวางอยู่ในแนวเดียวกัน รูปอักขระของอักษรบางตัวอาจกินเนื้อที่สูงหรือต่ำกว่าเส้นฐาน (เช่น d กับ p) เส้นตรงสมมติที่ปลายหางของอักษรชี้ขึ้นบนและลงล่าง เรียกว่าเส้นชานบน (ascent) และเส้นชานล่าง (descent) ตามลำดับ ระดับของเส้นทั้งสองอาจรวมหรือไม่รวมเครื่องหมายเสริมอักษรก็ได้ ขนาดของฟอนต์ทั้งหมดจะวัดระยะตั้งแต่เส้นชานบนถึงเส้นชานล่าง นอกจากนั้นยังมีเส้นสมมติกำกับความสูงสำหรับอักษรตัวใหญ่กับอักษรตัวเล็ก ความสูงของอักษรตัวเล็กจะวัดจากความสูงของอักษร "x" ตัวเล็ก (x-height) ถ้าเป็นฟอนต์ภาษาไทยให้วัดจากอักษร "บ" ส่วนความสูงของอักษรตัวใหญ่ (cap height) ปกติจะวัดจากเส้นที่อยู่เท่ากับหรือต่ำกว่าเส้นชานบนเล็กน้อยถึงเส้นฐาน อัตราส่วนระหว่างความสูงอักษร x กับเส้นชานบนหรือความสูงอักษรตัวใหญ่มักถูกใช้สำหรับการจำแนกลักษณะของไทป์เฟซ
อักษรไทยกับไทป์เฟซ







ตัวอย่างความผิดพลาด ของฟอนต์เพื่อชาติทั้ง 10 ในอะโดบีโฟโต้ชอป 7 บนระบบปฏิบัติการ Mac OS X 10.3.3


ผู้ใช้ส่วนมากสับสนว่า ไทป์เฟซบางชนิดซึ่งมีอักษรไทย สามารถจัดรูปแบบอักษรไทยด้วยไทป์เฟซนั้นๆได้ในโปรแกรมประยุกต์บางโปรแกรมได้ แต่กลับไม่สามารถใช้กับโปรแกรมประยุกต์หลายๆโปรแกรม เช่น ไม่สามารถใช้ไทป์เฟซอักษรไทย ในโปรแกรม อะโดบี โฟโตชอป และ อะโดบี อิลลัสเตรเตอร์ ได้ และมักโทษผู้ผลิตโปรแกรมประยุกต์นั้นๆ แต่อันที่จริงแล้ว เป็นเพราะการอ้างอิงตำแหน่งอักษรในการเข้ารหัสไม่ตรงกัน เพราะตำแหน่งอักษรละติน นั้นอยู่ตรงกันอยู่แล้วทั้งในแอสกีและยูนิโคด จึงไม่พบว่าเป็นปัญหา แต่ตำแหน่งของอักษรไทยในรหัสแอสกีและยูนิโคด นั้นไม่ตรงกัน โดยมากมักพบเป็นตัวอักษรละติน/สัญลักษณ์ประหลาดๆ เช่น กลายเป็น © เป็นต้น โดยมักพบได้กับไทป์เฟซไทยเกือบทุกตระกูล เช่น UPC หรือแม่แต่ไทป์เฟซบางตัวในชุดฟอนต์เพื่อชาติ ก็เป็นปัญหานี้


นอกจากนี้ยังพบว่า ไทป์เฟซตระกูล UPC ที่เคยใช้จัดรูปแบบอักษรละตินบน ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ เวิร์ด 97 ได้นั้น กลับไม่สามารถใช้จัดรูปแบบอักษรละตินใน ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ เวิร์ด 2000 ขึ้นไปได้ จึงมีการปรับปรุงไทป์เฟซตระกูล UPC เป็น New และ DSE ตามลำดับ โดยไทป์เฟซตระกูลดังกล่าวมี 10 แบบคือ


Angsana
Browallia
Cordia
Dillenia
Eucrosia
Freesia
Iris
Jasmine
Kodchiang
Lily

แหล่งที่มา
Jump up
font จากศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน


Jump up
ธวัชชัย ศรีสุเทพ. ฟอนต์ไหนดี?. กรุงเทพฯ : มาร์คมายเว็บ, 2549. ISBN 978-974-93902-6-9


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%8B





printing (letterpress) house the word "font" would refer to a complete set of metal type that would be used to typeset an entire page. Unlike a digital typeface it would not include a single definition of each character, but commonly used characters (such as vowels and periods) would have more physical type-pieces included. A font when bought new would often be sold as (for example in a Roman alphabet) 12pt 14A 34a, meaning that it would be a size 12-point font containing 14 uppercase 'A's, and 34 lowercase 'A's. Given the name upper and lowercase because of which case the metal type was located in, otherwise known as majuscule and minuscule. The rest of the characters would be provided in quantities appropriate for the distribution of letters in that language. Some metal type characters required in typesetting, such as dashes, spaces and line-height spacers, were not part of a specific font, but were generic pieces which could be used with any font.[2] Line spacing is still often called "leading", because the strips used for line spacing were made of lead (rather than the harder alloy used for other pieces). The reason for this spacing strip being made from "lead" was because lead was a softer metal than the traditional forged metal type pieces (which was part lead, antimony and tin) and would compress more easily when "locked-up" in the printing "chase" (i.e. a carrier for holding all the type together).

In the 1880s–90s, "hot lead" typesetting was invented, in which type was cast as it was set, either piece by piece (as in the Monotype technology) or in entire lines of type at one time (as in the Linotype technology).

Font characteristics


In addition to the character height, when using the mechanical sense of the term, there are several characteristics which may distinguish fonts, though they would also depend on the script(s) that the typeface supports. In European alphabetic scripts, i.e. Latin, Cyrillic and Greek, the main such properties are the stroke width, called weight, the style or angle and the character width.

The regular or standard font is sometimes labeled roman, both to distinguish it from bold or thin and from italic or oblique. The keyword for the default, regular case is often omitted for variants and never repeated, otherwise it would be Bulmer regular italic, Bulmer bold regular and even Bulmer regular regular. Roman can also refer to the language coverage of a font, acting as a shorthand for "Western European."

Different fonts of the same typeface may be used in the same work for various degrees of readability and emphasis.

Weight

The weight of a particular font is the thickness of the character outlines relative to their height.



Helvetica Neue weights

A typeface may come in fonts of many weights, from ultra-light to extra-bold or black; four to six weights are not unusual, and a few typefaces have as many as a dozen. Many typefaces for office, Web and non-professional use come with just a normal and a bold weight. If no bold weight is provided, many renderers (browsers, word processors, graphic and DTP programs) support faking a bolder font by rendering the outline a second time at an offset, or just smearing it slightly at a diagonal angle.

The base weight differs among typefaces; that means one normal font may appear bolder than some other normal font. For example, fonts intended to be used in posters are often quite bold by default while fonts for long runs of text are rather light. Therefore weight designations in font names may differ in regard to the actual absolute stroke weight or density of glyphs in the font.

Attempts to systematize a range of weights led to a numerical classification first used by Adrian Frutiger with the Univers typeface: 35 Extra Light, 45 Light, 55 Medium or Regular, 65 Bold, 75 Extra Bold, 85 Extra Bold, 95 Ultra Bold or Black. Deviants of these were the "6 series" (italics), e.g. 46 Light Italics etc., the "7 series" (condensed versions), e.g. 57 Medium Condensed etc., and the "8 series" (condensed italics), e.g. 68 Bold Condensed Italics. From this brief numerical system it is easier to determine exactly what a font's characteristics are, for instance "Helvetica 67" (HE67) translates to "Helvetica Bold Condensed".

The TrueType font format introduced a scale from 100 through 900, where 400 is regular (roman or plain), which is also used in CSS and OpenType. The first algorithmic description of fonts was perhaps made by Donald Knuth in his Metafont and TeX system of programs.

There are many names used to describe the weight of a font in its name, differing among type foundries and designers, but their relative order is usually fixed, something like this:

Hairline

Thin

Ultra-light

Extra-light

Light

Book

Normal / regular / roman / plain

Medium

Demi-bold / semi-bold

Bold

Extra-bold / extra

Heavy

Black

Extra-black

Ultra-black / ultra

The terms normal, regular and plain, sometimes also book, are being used for the standard weight font of a typeface. Where both appear and differ, book is often lighter than regular, but in some typefaces it is bolder.

Slope

In contemporary European typefaces, especially roman ones, the font style is usually connected to the angle. When the normal, roman or upright font is slanted—usually to the right in left-to-right scripts—the lowercase character shapes change slightly as well, approaching a more handwritten, cursive style. In this italic type, character edges may even connect and ligatures are more common. In many typefaces uppercase letters are merely slanted in italic fonts, but in some they change their appearance, too, e.g. by gaining swashes. Although rarely encountered, a typographic face may be accompanied by a matching calligraphic face (cursive, script), which might be considered a further font style of one typeface.



Cyrillic italics

In many sans-serif and some serif typefaces, especially in those with strokes of even thickness the characters of the italic fonts are only slanted, which is often done algorithmically, without otherwise changing their appearance. Such oblique fonts are not true italics, because they lack the change in letter shapes which is part of the definition of an italic.

On the other hand, there are typefaces with upright characters that take a more cursive form without a change in angle. For example the Cyrillic minuscule ‘т’ may look like a smaller form of its majuscule ‘Т’ or more like a roman small ‘m’ as in its standard italic appearance; in this case the distinction between styles is also a matter of local preference.

In Frutiger’s nomenclature the second digit for upright fonts is a 5, for italic fonts a 6 and for condensed italic fonts a 8.

The two Japanese syllabaries, katakana and hiragana, are sometimes seen as two styles or typographic variants of each other, but usually are considered separate character sets as a few of the characters have separate kanji origins. The gothic style of the roman script with broken letter forms, on the other hand, is usually considered a mere typographic variant.

Cursive-only scripts such as Arabic also have different styles, in this case for example Naskh and Kufic, although these often depend on application, area or era.

There are other aspects that can differ among font styles, but more often these are considered immanent features of the typeface. These include the look of digits (text figures) and the minuscules, which may be smaller versions of the capital letters (small caps) although the script has developed characteristic shapes for them. Some typefaces do not include separate glyphs for the cases at all, thereby abolishing the bicamerality. While most of these use uppercase characters only, some labeled unicase exist which choose either the majuscule or the minuscule glyph at a common height for both characters.

Width

Some typefaces include fonts that vary the width of the characters (stretch).

Narrower fonts are usually labeled compressed, condensed or narrow. In Frutiger’s system, the second digit of condensed fonts is a 7. Wider fonts may be called wide, extended or expanded. Both can be further classified by prepending extra, ultra or the like.

These separate fonts have to be distinguished from techniques that alter the letter-spacing to achieve narrower or smaller words, especially for justified text alignment.

Most typefaces either have proportional or monospaced (i.e. typewriter-style) letter widths, if the script provides the possibility. There are, however, superfamilies covering both styles.

Some fonts provide both proportional and fixed-width (tabular) digits, where the former usually coincide with lowercase text figures and the latter with uppercase lining figures.

Optimal size

Some professional digital typefaces include fonts that are optimised for certain sizes, e.g. by using ink traps. There are several naming schemes for such variant designs. One such scheme, invented and popularized by Adobe Systems, refers to the variant fonts by the applications those are typically used for, with the exact point sizes intended varying slightly by typeface:

Poster

extremely large sizes, usually larger than 72 point

Display

large sizes, typically 19–72 point

Subhead

large text, typically about 14–18 point

(Regular)

usually left unnamed, typically about 10–13 point

Small Text (SmText)

typically about 8–10 point

Caption

very small, typically about 6–8 point

Metrics

Font metrics refers to metadata consisting of numeric values relating to size and space in the font overall, or in its individual glyphs. Font-wide metrics include cap height, x-height, ascender height, descender depth, and the font bounding box. Glyph-level metrics include the glyph bounding box, the advance width (the proper distance between the glyph's initial pen position and the next glyph's initial pen position), and sidebearings (space that pads the glyph outline on either side).

Serifs


Serifs within the Thesis typeface family


Italic capital swashes

Although most typefaces are characterised by their use of serifs, there are superfamilies that incorporate serif (antiqua) and sans-serif (grotesque) or even intermediate slab serif (Egyptian) or semi-serif fonts with the same base outlines.

A more common font variant, especially of serif typefaces, is that of alternate capitals. They can have swashes to go with italic minuscules or they can be of a flourish design for use as initials (drop caps).

Subsetting[edit]


A typical font may contain hundreds or even thousands of glyphs, often representing characters from many different languages. Oftentimes, users may only need a small subset of the glyphs that are available to them. Subsetting is the process of removing unnecessary glyphs from a font file, usually with the goal of reducing file size. This is particularly important for web fonts, since reducing file size often means reducing page load time.

See also


Ampersand

Clip font

Font embedding

Graphic

List of fonts

References


Jump up ^ Douglas Harper (2001). "font". Online Etymology Dictionary. Retrieved 2013-07-19.

Jump up ^ "Basic Letterpress Tools". Retrieved 2008-12-07.

Sources

Blackwell, Lewis. 20th Century Type. Yale University Press: 2004. ISBN 0-300-10073-6.

Fiedl, Frederich, Nicholas Ott and Bernard Stein. Typography: An Encyclopedic Survey of Type Design and Techniques Through History. Black Dog & Leventhal: 1998. ISBN 1-57912-023-7.

Lupton, Ellen. Thinking with Type: A Critical Guide for Designers, Writers, Editors, & Students, Princeton Architectural Press: 2004. ISBN 1-56898-448-0.

Headley, Gwyn. The Encyclopaedia of Fonts. Cassell Illustrated: 2005. ISBN 1-84403-206-X.

Macmillan, Neil. An A–Z of Type Designers. Yale University Press: 2006. ISBN 0-300-11151-7.

พิมพ์ บ้าน ( ตัวพิมพ์ )คำว่า " ตัวอักษร " จะ หมายถึงชุดสมบูรณ์ของ ประเภท โลหะ ที่ จะใช้ในการ เรียงพิมพ์หน้าทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจาก อักษร ดิจิตอลมันจะไม่ รวมถึงคำนิยาม เดียวของ อักขระแต่ละตัว แต่ตัวอักษร ที่ใช้กันทั่วไป ( เช่นสระและ ระยะเวลา ) จะมี ชิ้นส่วน ประเภท กายภาพมากกว่า รวม ตัวอักษร เมื่อ ซื้อ ใหม่ มักจะ ขายเป็น (เช่น ใน อักษรโรมัน) 12pt 34a 14A ซึ่งหมายความว่า มันจะ ขนาดตัวอักษร 12 จุด ที่มี ตัวพิมพ์ใหญ่ 14 'และ 34 ตัวพิมพ์เล็ก 'เป็น ได้รับชื่อบนและ ตัวพิมพ์เล็ก เพราะ กรณีที่ โลหะประเภทที่ตั้งอยู่ ใน หรือที่เรียกว่า Majuscule และ จิ๋ว ส่วนที่เหลือของ ตัวอักษรที่จะให้ ในปริมาณ ที่เหมาะสม สำหรับการกระจายของตัวอักษร ในภาษาที่ บางตัวอักษร โลหะประเภท ที่จำเป็นในการ เรียงพิมพ์ เช่น รอยขีดข่วน การเว้นวรรคและ spacers เส้น ความสูง , ไม่ได้ เป็นส่วนหนึ่งของ ตัวอักษรเฉพาะแต่ ชิ้น ทั่วไป ซึ่ง สามารถนำมาใช้ กับ ตัวอักษร ใด ๆ . [2] ระยะห่างบรรทัด ยังคงเป็น มักจะเรียกว่า " ชั้นนำ " เพราะ แถบ ที่ใช้สำหรับ ระยะห่างระหว่างบรรทัด ที่ทำจาก ตะกั่ว (มากกว่า โลหะผสม ยาก ที่ใช้สำหรับ ชิ้นอื่น ๆ ) เหตุผล สำหรับ การเว้นวรรค แถบ นี้ ถูก สร้างขึ้นมาจาก " ผู้นำ "เป็นเพราะ ตะกั่ว เป็น โลหะนุ่มกว่าแบบดั้งเดิม ชิ้น ปลอมแปลง โลหะ ชนิด ( ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ตะกั่ว พลวง และ ดีบุก ) และจะ บีบอัด ได้ง่ายขึ้น เมื่อ " ล็อค ขึ้น " ใน การพิมพ์ " ไล่ล่า " (กล่าวคือ ผู้ให้บริการสำหรับ ผู้ถือหุ้น ทุก ประเภท เข้าด้วยกัน )

ในยุค 1880 -90s , " ร้อน นำไปสู่ ​​" typesetting ถูกคิดค้น ใน ประเภทที่ ถูกโยน ขณะที่มันถูก ตั้งค่า อย่างใดอย่างหนึ่ง ชิ้น โดยชิ้น (ในขณะที่ เทคโนโลยี Monotype ) หรือ ใน สาย ทั้งหมดของ ประเภท ที่หนึ่งครั้ง (ในขณะที่พิมพ์หิน เทคโนโลยี )

ลักษณะแบบอักษร


นอกเหนือไปจาก ความสูงของ ตัวอักษรเมื่อใช้ความรู้สึก ทางกลของ คำ ที่มี หลายลักษณะ ซึ่งอาจจะ เห็นความแตกต่าง แบบอักษร แม้ว่าพวกเขา ยัง จะขึ้นอยู่กับ สคริปต์(s) ที่สนับสนุน แบบอักษร ใน สคริปต์ ตัวอักษร ยุโรป เช่น ภาษาละติน และภาษากรีก ซีริลลิ ,คุณสมบัติ หลักคือความกว้างของ โรคหลอดเลือดสมอง ที่เรียกว่า น้ำหนัก สไตล์หรือ มุม และความกว้าง ของตัวละคร

ตัวอักษร ปกติหรือ มาตรฐาน จะมีป้าย บางครั้ง โรมัน ทั้งสอง จะแตกต่างจาก ตัวหนาหรือ บางและ จาก ตัวเอียง หรือ เอียง คำหลัก สำหรับการเริ่มต้นของ กรณี ปกติมักถูกมองข้าม สำหรับ สายพันธุ์ และไม่เคย ซ้ำ มิฉะนั้น มันจะเป็น บัลเมอร์ ตัวเอียง ปกติ บัลเมอร์ ที่เป็นตัวหนา ปกติ และแม้กระทั่ง บัลเมอร์ ปกติ ปกติ โรมัน ยังสามารถดู การรายงานข่าว ภาษาของ ตัวอักษรที่ทำหน้าที่เป็นผู้ จดชวเลข สำหรับ" ยุโรปตะวันตก . "

แบบอักษร ที่แตกต่างกัน ของ อักษร เดียวกันอาจนำมาใช้ ในการทำงาน เช่นเดียวกันสำหรับ หลายองศา ของ การอ่าน และ ให้ความสำคัญ

น้ำหนัก

น้ำหนักของ ตัวอักษร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ความหนาของ ตัวอักษรที่แสดง เมื่อเทียบกับ ความสูง ของพวกเขา



น้ำหนัก Helvetica Neue

อักษรอาจจะมา ใน แบบอักษร ของน้ำหนัก จำนวนมาก จาก เบา ไป เสริม ตัวหนาหรือ สีดำ สี่ถึงหก น้ำหนัก ไม่ได้ผิดปกติ และรูปแบบอักษร เพียงไม่กี่คน ให้มากที่สุดเท่าโหล หลาย รูปแบบอักษร สำหรับใช้ในสำนักงาน เว็บและ ไม่ใช่มืออาชีพ มาพร้อมกับ เพียง ปกติและน้ำหนัก ตัวหนา ถ้า ไม่มี น้ำหนัก ตัวหนา มีให้ renderers หลายคน ( เบราว์เซอร์ , ประมวลผลคำ , กราฟิก และโปรแกรม DTP ) สนับสนุน แกล้งอักษร โดดเด่นยิ่งขึ้น โดย การกระทำของ เค้าร่างเป็นครั้งที่สอง ที่ ละเลง ชดเชย หรือเพียงเล็กน้อย ที่มุม ทแยง

น้ำหนัก ฐานแตกต่าง ระหว่าง รูปแบบอักษร ; นั่น หมายความว่า ตัวอักษร ปกติ อาจปรากฏ โดดเด่นยิ่งขึ้น กว่า ตัวอักษร ปกติ บางอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น แบบอักษร ตั้งใจ ที่จะใช้ใน โปสเตอร์ มักจะ หนา มาก โดยค่าเริ่มต้น ในขณะที่ ตัวอักษร วิ่ง ยาว ของข้อความที่ มีน้ำหนักเบา ค่อนข้าง ดังนั้น การกำหนด น้ำหนัก ใน ชื่อ ตัวอักษร อาจแตกต่างกัน ในเรื่องน้ำหนัก จังหวะ ที่เกิดขึ้นจริง แน่นอน หรือ ความหนาแน่นของ ร่ายมนตร์ อยู่ในตัวอักษร

ความพยายามที่จะ จัดระบบ ช่วงของ น้ำหนักที่ จะนำไปสู่​​การจัดหมวดหมู่ เป็นตัวเลข ที่ใช้ เป็นครั้งแรกโดย เอเดรีย Frutiger กับUnivers แบบอักษร: 35 แสง พิเศษ 45 แสง 55 ปานกลาง ปกติหรือ ตัวหนา 65 , 75 หนาพิเศษ 85 หนาพิเศษ , 95 อัลตร้า ตัวหนา หรือ สีดำ . ผิดปรกติ เหล่านี้เป็น" ซีรีส์ 6 " ( ตัวเอน ) เช่น 46 ตัวเอน แสง ฯลฯ" ชุดที่ 7 " ( รุ่น แบบย่อ ) เช่น 57 ปานกลาง ย่อ ฯลฯ และ" ชุดที่ 8 " ( ตัวเอียง แบบย่อ ) เช่น 68 ตัวเอียง ตัวหนา ข้น จากระบบ ตัวเลข นี้สั้น มันเป็นเรื่องง่าย ที่จะตรวจสอบ ว่าสิ่งที่ ลักษณะแบบอักษร ที่มี ตัวอย่างเช่น " Helvetica 67 " ( HE67 ) แปลว่า " Helvetica Bold ข้น "

รูปแบบ อักษร TrueType แนะนำ สเกลจาก 100 ผ่าน 900, 400 ที่ เป็น ปกติ ( โรมัน หรือ ธรรมดา ) ซึ่ง ยังใช้ใน CSS และ OpenType คำอธิบาย ขั้นตอน แรกของ แบบอักษร ที่ถูกสร้างขึ้น อาจจะโดย โดนัลด์ Knuth ใน METAFONT และ ระบบ เท็กซ์ ของ โปรแกรม

มี ชื่อเรียกหลายชื่อ ที่ใช้ในการ อธิบาย น้ำหนักของ ตัวอักษรที่ อยู่ในชื่อที่แตกต่างกัน ในหมู่ หล่อ ประเภท และนักออกแบบที่ มี แต่ ลำดับ ญาติ ของพวกเขาจะ มักจะคงที่ บางสิ่งบางอย่าง เช่นนี้

เส้นผม

บาง

เบา

เพิ่ม แสง

แสง

หนังสือ

ปกติ / ปกติ / โรมัน / ธรรมดา

กลาง

Demi- หนา / กึ่ง ตัวหนา

กล้าหาญ

เสริม ตัวหนา / พิเศษ

หนัก

สีดำ

พิเศษ สีดำ

อัลตร้า สีดำ / สี พิเศษ

เงื่อนไขการใช้บริการตามปกติ ธรรมดา ปกติและ บางครั้ง หนังสือ ยัง มีการใช้ ตัวอักษร น้ำหนักมาตรฐาน ของ อักษร ในกรณีที่ ทั้งสอง ปรากฏขึ้นและ แตกต่างกัน หนังสือ มักจะ มีน้ำหนักเบากว่า ปกติ แต่ ใน บาง รูปแบบอักษรที่ จะ โดดเด่นยิ่งขึ้น

ความลาดชัน

ใน รูปแบบอักษรที่ ยุโรป ร่วมสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ โรมัน ลักษณะแบบอักษรมักจะเชื่อมต่อ มุม เมื่อปกติ ตัวอักษร โรมัน หรือ เที่ยงธรรม เป๋ มักจะ ไปทางขวา ซ้าย ไปขวา สคริปต์รูปร่าง ตัวอักษร ตัวพิมพ์เล็ก มีการเปลี่ยนแปลง เล็กน้อย เช่นกัน ใกล้ที่เขียนด้วยลายมือ เพิ่มเติม สไตล์ เล่นหาง ตัวเอียง นี้ ขอบ ตัวอักษร อาจจะ เชื่อมต่อและ หนังสติ๊ก จะมีอยู่มาก ใน รูปแบบอักษร หลาย ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ จะ เป๋ เพียง ใน แบบอักษร ตัวเอียง แต่ ใน บางส่วน ที่มีการเปลี่ยนแปลง ลักษณะของพวกเขา มากเกินไป เช่น โดยดึงดูด swashes แม้ว่าจะ พบได้น้อยมาก ใบหน้า พิมพ์อาจ จะมาพร้อมกับ ใบหน้า ช้อยจับคู่ ( สคริปต์ เล่นหาง ) ซึ่ง อาจจะมีการ พิจารณา ลักษณะแบบอักษร อีก หนึ่ง ตัวอักษร


ตัวเอน ริลลิก

ในหลาย ๆ Sans - serif และบาง รูปแบบอักษร serif โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใน ผู้ที่มี จังหวะของ ความหนา แม้กระทั่ง ตัวอักษรของตัวอักษร ตัวเอียงจะ เป๋ อย่างเดียวซึ่ง มักจะทำ อัลกอริทึม โดยไม่ต้อง มิฉะนั้นจะ เปลี่ยนรูปลักษณ์ ของพวกเขา แบบอักษร เอียง ดังกล่าวจะไม่ เอียง จริงเพราะ พวกเขาขาด การเปลี่ยนแปลงใน รูปร่าง ตัวอักษร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของความหมายของ ตัวเอียง

บนมืออื่น ๆ ที่มี รูปแบบอักษร ที่มีตัวอักษร ตรง ที่ใช้รูปแบบ เล่นหาง ขึ้นโดยไม่ต้อง มีการเปลี่ยนแปลงใน มุมที่เป็น ตัวอย่างเช่นริลลิก จิ๋ว ' т ' อาจมีลักษณะเช่น รูปแบบ ขนาดเล็กของ Majuscule ' Т ' หรือ มากขึ้นเช่นRoman โรงแรมขนาดเล็ก ' m ' เป็น ในลักษณะ ตัวเอียง มาตรฐานของ ; ในกรณีนี้ ความแตกต่างระหว่าง รูปแบบยังเป็น เรื่องของการตั้ง ท้องถิ่น .

ใน ศัพท์ Frutiger ของหลัก ที่สองสำหรับ แบบอักษร เที่ยงธรรม5 , แบบอักษร ตัวเอียง6 และ แบบอักษร ตัวเอียง แบบย่อ8

สอง syllabaries ญี่ปุ่น, คาตากานะ และ ฮิรางานะ บางครั้งจะเห็น เป็น สองรูปแบบ การพิมพ์ หรือ สายพันธุ์ ของแต่ละอื่น ๆ แต่มัก จะถือว่าเป็น ชุดตัวอักษร แยก เป็นไม่กี่ ของตัวละคร ที่มีต้นกำเนิด ตัวอักษรคันจิ ที่แยกจากกัน สไตล์ กอธิค ของสคริปต์ โรมันกับรูปแบบ ตัวอักษร ที่แตก บน มืออื่น ๆ ที่ มักจะคิดว่า การพิมพ์ ที่แตกต่างกันเพียง

สคริปต์ เล่นหาง เท่านั้น เช่น ภาษาอาหรับ ยังมี รูปแบบ ที่แตกต่างกัน ในกรณี เช่น Naskh และ Kufic นี้ แม้ว่า เหล่านี้มักจะ ขึ้นอยู่กับ การประยุกต์ใช้ พื้นที่ หรือ ยุค

มี แง่มุมอื่น ๆ ที่สามารถ แตกต่างกัน ระหว่าง รูปแบบอักษร ที่มี แต่ บ่อยขึ้น เหล่านี้ถือว่าเป็น คุณสมบัติที่ อยู่ภายใน ของ ตัวอักษร เหล่านี้รวมถึง รูปลักษณ์ ของตัวเลข (ตัวเลข ข้อความ) และ minusculesซึ่งอาจจะเป็น รุ่น ขนาดเล็กของตัวอักษร ( พิมพ์ใหญ่ขนาดเล็ก ) ถึงแม้ว่า สคริปต์ได้มีการพัฒนา รูปร่าง ลักษณะ สำหรับพวกเขา รูปแบบอักษรที่ บางคนไม่ได้ รวมถึงการ ร่ายมนตร์ ที่แยกต่างหากสำหรับ กรณี ที่ทั้งหมด จึง ยกเลิก bicamerality ขณะที่ส่วนใหญ่ เหล่านี้ ใช้ อักขระตัวพิมพ์ใหญ่ เท่านั้น ที่มีข้อความ บางส่วน อยู่ unicase ซึ่ง เลือกทั้งMajuscule หรือสัญลักษณ์ จิ๋ว ที่ความสูง ร่วมกันของตัวละคร ทั้งสอง

ความกว้าง

รูปแบบอักษร บางรวม แบบอักษรที่ แตกต่างกันไป ความกว้างของตัวอักษร( ยืด )

แบบอักษร ที่แคบ มักจะใช้ การบีบอัด แบบย่อ หรือ แคบ ใน ระบบ Frutiger ของหลัก ที่สอง ของตัวอักษร ย่อ7 แบบอักษร ที่กว้างขึ้น อาจจะเรียกว่า กว้าง ที่ขยายเพิ่มขึ้น หรือ ขยายตัว ทั้งสอง สามารถต่อ จำแนกตาม prepending เสริม พิเศษ หรือชอบ

เหล่านี้ แบบอักษร ที่แยกต่างหาก จะต้อง แตกต่างไปจาก เทคนิคที่ แก้ไขตัวอักษร เว้นวรรค เพื่อให้บรรลุ คำ แคบ หรือเล็กลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับ การจัดตำแหน่งข้อความ เป็นธรรม

รูปแบบอักษร อย่างใดอย่างหนึ่ง มากที่สุด มี ความกว้างของ ตัวอักษร สัดส่วน หรือ พิมพ์ดีด (เช่น เครื่องพิมพ์ดีด สไตล์ ) ถ้า สคริปต์ให้ เป็นไปได้ มี แต่ superfamilies ครอบคลุม ทั้งสองรูปแบบ

แบบอักษร บางอย่างให้ ทั้ง สัดส่วน และ ความกว้างคงที่ หลัก ( ตาราง ) ซึ่ง ในอดีตมักจะ ตรงกับ ตัวเลข ตัวอักษร ตัวพิมพ์เล็ก และ หลัง กับตัวเลข ซับใน ตัวพิมพ์ใหญ่

ขนาด ที่เหมาะสม

บาง รูปแบบอักษร ดิจิตอลระดับมืออาชีพ รวมถึง แบบอักษร ที่มีการ ปรับให้เหมาะสมกับ ขนาดของ บางอย่าง เช่น โดยใช้ กับดัก หมึก มี รูปแบบ การตั้งชื่อ หลาย สำหรับการออกแบบ ที่แตกต่างกัน ดังกล่าว โครงการหนึ่ง ดังกล่าว คิดค้นและ ความนิยมโดย Adobe Systems หมายถึงแบบอักษร ที่แตกต่างกัน ตาม การใช้งานเหล่านั้น มักจะใช้ กับ ขนาดของ จุด ที่แน่นอน ตั้งใจ ที่แตกต่างกัน เล็กน้อย ตาม ตัวอักษร :

โปสเตอร์

ขนาด ใหญ่ มาก มักมีขนาดใหญ่ กว่า 72 จุด

แสดง

ขนาด ใหญ่ โดยทั่วไป 19-72 จุด

Subhead

ข้อความขนาดใหญ่ โดยทั่วไป เกี่ยวกับ 14-18 จุด

( ปกติ )

ที่เหลือ มักจะ ไม่มีชื่อ เรื่องทั่วไป 10-13 จุด

ข้อความ ขนาดเล็ก ( SmText )

มักจะ เกี่ยวกับ 8-10 จุด

คำบรรยายภาพ

ขนาดเล็กมาก มักจะ เกี่ยวกับ 6-8 จุด

ตัวชี้วัด

ชี้วัดตัวอักษร หมายถึง ข้อมูล ที่ประกอบด้วย ค่าตัวเลข ที่เกี่ยวข้องกับ ขนาด และพื้นที่ ใน ตัวอักษร โดยรวมหรือในการ ร่ายมนตร์ แต่ละบุคคล ชี้วัดตัวอักษร กว้าง รวมถึง ความสูงของ หมวก x -height ความสูง ครอง ความลึก สืบทอด และตัวอักษร กล่อง bounding ตัวชี้วัดที่ แกะสลัก ระดับ รวมถึงการแกะสลัก กรอบ กว้าง ล่วงหน้า( ระยะทางที่ เหมาะสมระหว่าง ตำแหน่ง ปากกา สัญลักษณ์ ของการเริ่มต้น และตำแหน่ง ปากกาแกะสลัก ถัดไป เริ่มต้น) และ sidebearings ( พื้นที่ที่ pads สัญลักษณ์ เค้าร่างทั้งสองข้าง )

เซอริฟ

เซอริฟ ภายในครอบครัว แบบอักษร วิทยานิพนธ์

swashes ทุน ตัวเอียง

แม้ว่า รูปแบบอักษร ส่วนใหญ่ มีลักษณะ ของการใช้ เซอริฟ มี superfamilies ที่รวม serif ( antiqua ) และ Sans - serif ( พิสดาร ) หรือ แม้กระทั่ง สื่อกลาง แผ่น serif ( อียิปต์ ) หรือแบบอักษร กึ่ง serif ที่มีฐาน เดียวกันแสดง

ตัวอักษร ที่แตกต่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รูปแบบอักษร serif เป็นที่ เมืองหลวง สำรอง พวกเขาสามารถมี swashes ไปกับ minuscules ตัวเอียง หรือพวกเขา สามารถของ การออกแบบที่ ประสบความสำเร็จ สำหรับใช้เป็น ชื่อย่อ ( หมวก ลดลง )

subsetting


ตัวอักษร ทั่วไปอาจ มี หลายร้อยหรือ แม้กระทั่งนับพัน ของ ร่ายมนตร์ มักจะ เป็นตัวแทนของ ตัวอักษรจาก ภาษา ที่แตกต่างกัน บ่อยครั้งที่ ผู้ใช้ เพียง แต่ อาจจะต้องเซตย่อยขนาดเล็ก ร่ายมนตร์ที่มีอยู่ กับพวกเขา subsetting เป็นกระบวนการ ของการลบ ร่ายมนตร์ ไม่จำเป็นออกจาก ไฟล์ ตัวอักษรที่มักจะ มีเป้าหมายในการ ลดขนาด ไฟล์ นี้เป็น สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับ เว็บแบบอักษร เนื่องจาก การลดขนาด ไฟล์ มักจะหมายถึง การลดเวลา ในการโหลดหน้า

ดูเพิ่มเติม


สัญลักษณ์

คลิป ตัวอักษร

การฝัง ตัวอักษร

กราฟิก

รายชื่อ ของแบบอักษร

เอกสารอ้างอิง


กระโดด ขึ้น ^ ดักลาส ฮาร์เปอร์ (2001) " ตัวอักษร " พจนานุกรม ออนไลน์ นิรุกติศาสตร์ สืบค้น 2013/07/19

กระโดด ขึ้น ^ "เครื่องมือ Letterpress Basic" สืบค้น 2008/12/07

แหล่งที่มา


แบล็กเว ลูอิส ประเภท ศตวรรษที่ 20 สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเยล : 2004 ISBN 0-300-10073-6

Fiedl , Frederich , นิโคลัส เฮเว่น และเบอร์นาร์ สไตน์ Typography :สารานุกรม การสำรวจ ของการออกแบบ ประเภท และ เทคนิค ผ่านทางประวัติศาสตร์ Black Dog & Leventhal : 1998 ไอ 1-57912-023-7

Lupton เอลเลน การคิดด้วย ประเภท:คู่มือ สำคัญ สำหรับนักออกแบบ นักเขียน บรรณาธิการ และ นักศึกษา พรินซ์ตัน กด สถาปัตยกรรม : 2004 ไอ 1-56898-448-0

เฮดลีย์ , กวิน สารานุกรม แบบอักษร คาเซล ปอ : 2005 ไอ 1-84403-206 - X

มักมิลลัน นีล -Z นักออกแบบ ประเภท สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเยล : 2006 ISBN 0-300-11151-7

http://en.wikipedia.org/wiki/Font


    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น